พายุเลือดและห่าน้ำตา จากเหตุการณ์มหาวิปโยคผ่านมาแล้ว ๕๒ ปี แต่ยังหลอนไม่เลิกตราบกระทั่งทุกวันนี้…@@

อดีตที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ปณิธาน วัฒนายากร พูดถึงสงครามไทย-กัมพูชา ไว้ในการแสดงปาฐกถางานรำลึก ๕๒ ปีเหตุการณ์ ๑๔ ตุลา มีเนื้อหาน่าสนใจ บอกว่าขบวนการเถื่อนนอกกฏหมาย ทั้งยาเสพติด-สแกมเมอร์ หรือแม้กระทั่งนักรบรับจ้าง ล้วนอยู่ในสมการสู้รบในสงครามไทย-กัมพูชา ด้วยเหตุผลสนับสนุน”ในกองกำลังกัมพูชา ใครจะมีขีดความสามารถบินโดรน ใครจะมีขีดความสามารถอ่านแผนที่เป้าหมายได้…” พร้อมกับให้นิยาม”สงคราม”คือการสู้รบที่มีการตายตั้งแต่หลักพันขึ้นไป และสงครามไทย-กัมพูชา มีการตายเกินกว่าพันชีวิต@@

สาระสำคัญที่ปณิธาน วัฒนายากร กล่าวไว้อีกท่อนหนึ่งคือ ๗๕ ปีความสัมพันธ์ทางการฑูตไทย-กัมพูชา จบลงหมดแล้วด้วยสงครามครั้งนี้ แต่หลายคนคิดว่ายังไม่จบ หรือไม่กล้าเรียกว่าเป็นสงคราม เพราะกลัวประกันไม่จ่าย กลัวแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะกระทบกระเทือน….@@

เห็นมหกรรมแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการปะทุรัวๆ ชวนให้คิดฟุ้งซ่าน “ปฏิบัติการระดมทุนสะสมกระสุน” นับถอยหลังสู่”สงครามเงินตรา” ในสมรภูมิเลือกตั้ง โหมโรงขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการ…เวลามีน้อย ต้องใจกล้า-หน้าหนา เคลียร์เร็ว เคลมเร็ว @@

คอข่าวการเมืองข้างสังเวียน ประเมินอาการลนลานระดมทุน แบบ”ลืมอาย” แล้วพยากรณ์ว่าการยุบสภา มีแนวโน้มอาจเกิดขึ้นระหว่าง”ปิดสมัยประชุม”…@@

เกมการเมืองเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ เปิดฉากบรรเลงแล้ว พลพรรคปชน.-ภท.-พท.ต่างอวยร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของตัวเอง หวังดันให้ได้เสียงโหวตเป็น”ร่างหลัก”ก่อนปิดสมัยประชุม ๓๑ ต.ค.นี้…@@

ปิดท้ายสวนข่าววันนี้ ท่านผู้ว่าแบงก์ชาติวิทัย รัตนากร ช่วยอบรมลูกน้องอย่าแถลงข่าวแบบตีฝีปากเล่นลิ้นปลิ้นคำเลียนแบบนักการเมือง…ภาวะเงินฝืด ก็บอกภาวะเงินฝืด อย่าทะลึ่งเล่นสำบัดสำนวนบอก “ภาวะเงินไม่คล่อง” @@

ฮูก ตาตี่