สวนข่าว ประจำวันอังคารที่ ๓ ต.ค.๒๕๖๖ แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีเถาะ

…ขอแสดงความเสียใจกับโศกนาฏกรรม กลางห้างสรรพสินค้าดัง ใจกลางเมืองหลวง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต ๒ ราย-บาดเจ็บ ๕ ราย…@@
ช็อคกว่าช็อค..มือปืนผู้ก่อเหตุฆาตกรรม เป็น เยาวชนอายุแค่ ๑๔ ปี บุตรชายของคุณพ่อและคุณแม่ที่มีสถานะทางสังคมระดับสูง…มีอะไรเป็นแรงจูงใจก่อเหตุโศกนาฏกรรมอุกอาจรุนแรงกลางฝูงชน??…เข้าถึงอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนได้ยังไง ?? @@
เหตุการณ์ความรุนแรงนี้ อาจเป็น”ลางร้าย”ทำลายมาตรการ”ฟรีวีซ่า” ซ้ำเติมความหวาดระแวงในความไม่ปลอดภัยในหมู่ชาวจีน ด้วยเหตุ สุภาพสตรีชาวจีนคือ ๑ ใน ๒ ผู้เคราะห์ร้ายที่ตายสังเวยคมกระสุนเด็ก ๑๔ ขวบ ตามข้อความพาดหัวข่าวของเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์”Thai teen arrested after shooting at Bangkok’s Siam Paragon shopping centre kills 2 ,include 1 Chinese woman”..@@
ต้องขอตีมือแรงๆหลายๆแปะ แสดงความชื่นชมในปฏิกิริยาฉับไวนายกฯเศรษฐาที่ต่อสายรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และแสดงความเสียใจกับความสูญเสียของสุภาพสตรีชาวจีน ให้เอกอัครราชฑูตจีนได้รับทราบโดยตรง ด้วยตัวเอง…แบบนี้น่าจะช่วยให้ร้ายกลายเป็นดีได้ @@
โศกนาฏกรรม ณ สยามพารากอน ถูกสื่อสารพัดสำนัก กระพือดังกระฉ่อนไปทั้งโลก แค่เปิดกูเกิลใส่คำค้น “shooting siam paragon”…ข่าวพึ่บพั่บขึ้นมาให้ดูกันไม่หวาดไม่ไหว…@@
ประเด็นพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงในเด็กเยาวชน เป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวพันกับกระบวนการอบรมเลี้ยงดูในสถาบันครอบครัวอย่างแนบแน่น และรัฐบาล ต้องยื่นมือเข้ามาเป็นเจ้าภาพ ออกแบบกลไกแก้ไขปัญหาร่วมกับทุกภาคส่วนในสังคม ก่อนที่จะถูก “เกม”กลืนกินกันไปซะหมด…@@
ที่เมืองจีน ก็กำลังเผชิญปัญหาเด็กเยาวชน มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง-อกตัญญู ทำร้ายบุพการี โดยเลียนแบบมาจากเกมออนไลน์ กระทั่งทางการจีน กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ต้อนเด็กเยาวชนเข้าค่าย ปรับทัศนคติ-ปรับพฤติกรรม-อบรมคุณธรรม-ฝึกการใช้ชีวิตร่วมกัน-ฝึกการบริการสังคม-บ่มเพาะจิตอาสา ทำนองเดียวกับ “นักศึกษาวิชาทหาร” หรือ “วิชาลูกเสือ”…@@
เลี้ยวเข้าการเมืองเรื่องแก้รัฐธรรมนูญกันหน่อย…กดปุ่มเดินหน้ากระบวนการยกเครื่องรัฐธรรมนูญตามสัญญา นายกฯเศรษฐา ตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติและแนวทางร่างรัฐธรรมนูญ 35 คนเรียบร้อย มีภูมิธรรม เวชยชัย ประธาน ชูศักดิ์ ศิรินิล-กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ รองประธาน-นิกร จำนงค์ โฆษก…เห็นรายชื่อและที่มาของกรรมการแล้ว ต่อมความหวังพองโตขึ้นมาได้ไม่น้อยเลย @@
โหวตเลือกเรียบร้อย ประธาน กมธ.สภาผู้แทนราษฏร…ก้าวไกล ยึดไป ๑๐ คณะ…วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ประธานกมธ.ทหาร-รังสิมันต์ โรม ประธาน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ประธาน กมธ.ติดตามงบประมาณ-พริษฐ์ วัชรสินธุ ประธาน กมธ.พัฒนาการเมืองฯ…ถูกฝาถูกตัวดีมาก @@
ฮูก ตาตี่

สวนข่าว ประจำวันจันทร์ที่ ๒ ต.ค.๒๕๖๖ แรม ๓ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีเถาะ…

ประเดิมศักราชใหม่ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๗ ที่ใช้ตามงบประมาณประจำปี ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน จนกว่าพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๗ จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ…โน่นเลยปลายเม.ย.๒๕๖๗ ล่าช้าไปกว่า ๖ เดือน…@@
ล่วงเข้าเดือนที่ ๒ ของการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีเศรษฐา เปิดมิติใหม่เอี่ยม”ติวเข้มวิชางบประมาณ”ให้ สำนักงบประมาณ และหน่วยรับงบประมาณทั้งหลาย ใช้เป็น”คัมภีร์” สำหรับปรับปรุงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๗..สั่งวันนี้ กำหนดเส้นตายให้ส่งไม่เกินวันที่ ๖ ต.ค. ยิ่งกว่าไฟลนก้นข้าราชการ @@
โจทย์ใหญ่ในกระบวนการจัดทำงบประมาณตามนโยบายที่นายกฯเศรษฐา สั่งการวันนี้ คือต้องตอบโจทย์ประเด็นความท้าทายของประเทศ-ต้องตอบโจทย์การฟื้นฟูรายได้-ต้องตอบโจทย์การขยายโอกาส-ต้องตอบโจทย์การยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน-ต้องไม่มีรายการซ้ำซ้อน-ต้องรักษาวินัยการเงินการคลัง-ต้องมีตัวชี้วัดและเป้าหมาย…รวมเบ็ดเสร็จ ๗ ต้อง-นี่คือ”ปฏิวัติเงียบ”กระบวนการจัดทำงบประมาณประเทศ…@@
น่าคิดชวนพิศวงยิ่ง นโยบายงบประมาณโดยนายกฯเศรษฐา ไม่มีแม้แต่ข้อความเดียวเลี้ยวไปเกาะเกี่ยวแผนยุทธศาสตร์ชาติ-แผนปฏิรูปประเทศ ที่เป็นคาถายอดนิยมยุค ๓ ป. ไม่รู้หลงลืมไปโดยบังเอิญ หรือ จงใจลืม @@
ปิดห้องคุยกันที่กระทรวงการคลัง จบไปเรียบร้อยผู้ชาย ๒ เศรษฐ..เศรษฐา นายกรัฐมนตรี กับ เศรษฐพุฒิ ผู้ว่าแบงก์ชาติ…ฝ่ายแรกบอกไม่มีอะไรในกอไผ่ แค่พูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกัน มีทั้งเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย…ฝ่ายหลังไม่กระแอมกระไอซักแอะ…@@
เทียบเคียงแนวโน้มสุขภาพเศรษฐกิจผ่านแว่นแบงก์ชาติไทย แหวกแตกต่างไปจากหลายสำนัก..แบงก์ชาติบอก จีดีพีไทยปี ๒๕๖๗ จะโตเว่อร์วังมากถึง ๔.๔% ส่วนธนาคารโลก บอกจะโต ๓.๕% -สภาพัฒน์ บอกโต ๓.๒%-สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน บอกโต ๓.๖% แถมธนาคารโลก ย้ำอีกเงินเฟ้อไทย ต่ำสุดในอาเซียน และเหตุแห่งเงินเฟ้อ มาจากแรงผลักของต้นทุน ไม่ใช่แรงดันจากกำลังซื้อ…@@
พินิจพิจารณาเหตุแห่งเงินเฟ้อ ที่มาจากแรงผลักของต้นทุน แต่แบงก์ชาติ ที่หวาดระแวงเงินเฟ้อชนิดขี้ขึ้นสมอง ใช้มาตรการตะบี้ตะบันขึ้นอัตราดอกเบี้ย เท่ากับกระพือต้นทุนให้แพงหนักขึ้นไปอีก..คนทำมาหากินมีแต่ทรุดกับทรุดจมกองหนี้..แบบนี้ถ้าไม่ใช่การดำเนินนโยบายการเงินผิดพลาดบกพร่อง เป็นเหตุให้เศรษฐกิจซึมเศร้าสลึมสะลือ ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว @@
ปิดท้ายสวนข่าววันนี้…พวกเดียวกันโดนบูลลี่ เดือดเป็นฟืนเป็นไฟ..๙ ไม่ยอม-๑๐ ไม่ยอม กระตือรือล้นกระเหี้ยนกระหือรือ ตามบดขยี้ข้ามโลก ที”หมาเน่า”ในพวกเดียวกัน ส่งกลิ่นฉาวโฉ่ทิ่มตำความรู้สึกชาวบ้าน ไม่เห็นจะขยันขันแข็งกำจัดกวาดล้าง…ถนัดจังเลยนะงานเอาดีใส่ตัว ปกปิดความชั่วพวกเดียวกัน @@
ฮูก ตาตี่