สวนข่าว ประจำวันศุกร์ที่ ๑๕ ธ.ค. ๒๕๖๖ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑ ปีเถาะ
…ได้ฤกษ์ดีเดย์ขยายเวลาเปิดผับ-บาร์ เมาหัวทิ่มหัวตำได้ถึงตี ๔ นับจากวันนี้เป็นต้นไป…ตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ แบบรวยกระจุก-จนกระจาย บันดาลความมั่งคั่งให้เจ้าสัว @@
สมการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้มาตรการเปิดผับ-บาร์ถึงตี ๔ แม้จะจำกัดพื้นที่โซนนิ่ง เฉพาะ ๕ จังหวัด กทม.-เชียงใหม่-ชลบุรี-ภูเก็ต-สุราษฏร์ธานี (สมุย) แต่ข้อมูลรายชื่อผับ-บาร์-สถานบริการ ที่ได้รับอนุญาตให้เปิดได้ถึงตี ๔ เหมือนจะเป็น”ข้อมูลลับสุดยอด” ทั้งที่ต้องเปิดเผยชื่อ พร้อม โลเกชั่น ให้ชาวบ้านได้รับรู้อย่างทั่วถึง เพื่อความโปร่งใส…เพื่อชาวบ้านจะได้มีส่วนร่วมเป็นหูตาสัปปะรดคอยสอดส่องไม่ให้มีผับ-บาร์-สถานบริการใด”ลักไก่”เปิดเกินเวลา…@@
ปฏิกิริยาอมพะนำปิดบังอำพรางข้อมูลรายชื่อผับ-บาร์-สถานบริการของทางราชการ ตีความได้สถานเดียว คือ “กลัวการตรวจสอบของชาวบ้าน”…กลัวตำแหน่งหน้าที่ราชการ ”ปลิว”…@@
ต้องช่วยกันเกาะติดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ด้วยการขยายเวลาเปิดบริการ”สถานที่อโคจร” แล้วคิด-วิเคราะห์-แยกแยะว่าผลได้ ที่ไหลเข้ากระเป๋าเจ้าสัว-นายทุน กับผลเสียสารพัดที่สังคม-ชุมชน-ประชาชน-ประเทศ ต้องจ่าย…มันคุ้มกันหรือไม่อย่างไร ?@@
สบโอกาสเสนอหน้าออกมาหาแสง…พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล คนที่หวุดหวิดจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี วิเคราะห์ผลงานรัฐบาล ๑๐๐ วันแรก ลับหลังนายกฯเศรษฐา ด้วยชุดวาทกรรม ๕ คิด ๑).คิดดี-ทำได้ ๒).คิดไป-ทำไป ๓).คิดสั้น-ไม่คิดยาว ๔).คิดใหญ่-ทำเล็ก ๕).คิดอย่าง-ทำอย่าง พร้อมข้อแนะนำ ๔ ประการ ๑).ต้องทำงานบนแผนงานที่ชัดเจน ๒).ต้องทำงานเป็นมืออาชีพให้มากขึ้น ๓).ต้องมีเอกภาพในการทำงานให้มากขึ้น ๔).ต้องศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการอย่างละเอียด ก่อนโพล่ง….ขยี้ตีแสกหน้าแบบไม่ไว้หน้า @@
แม้โดนตีแสกหน้าลับหลัง แต่นายกฯเศรษฐา ที่อยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ที่ญี่ปุ่น โต้กลับทันควัน ปฏิเสธทุกข้อวิเคราะห์ของพิธา อย่างสิ้นเชิง…แหงซิ @@
ฮูก ตาตี่