๔ จังหวัดชายแดนใต้ สงขลา-ปัตตานี-ยะลา-นราธิวาส สถานการณ์น้ำท่วมยังหนักหนาแสนสาหัส และถูกประกาศเป็น “พื้นที่ภัยพิบัติทั้งจังหวัด” ไปเรียบร้อย..ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องในการก้าวข้ามภัยพิบัติไปด้วยความปลอดภัย…@@

ฝนตกหนัก ก่อวิกฤตน้ำท่วมภาคเหนือ นายกฯตัวลูกและอดีตนายกฯตัวพ่อ รวมทั้งสาวกบริวารดาหน้ากันลงพื้นที่ กอดกอดกอดปลอบขวัญให้กำลังใจชาวบ้าน…ตอนนี้ชายแดนใต้ เกิดวิกฤตลักษณะไม่ต่างกัน นายกฯตัวลูก-อดีตนายกฯตัวพ่อ เจ้าของวลี”โจรกระจอก” จะกล้าเสนอหน้าลงพื้นที่ไปโอบกอดปลอบขวัญชาวบ้านหรือไม่…หลายคนเฝ้าจับตารอลุ้น @@

พลพรรครัฐบาลยกโขยงขึ้นเหนือ ปักหมุดประชุม ครม. ที่ มรภ.เชียงใหม่ พร้อมวาระสำคัญจัดชุดแจกของขวัญปีใหม่-อัดฉีดงบปลุกปั้นโครงการพัฒนาภาคเหนือ ทั้งที่พี่น้องหลายแสนคน ใน ๔ จังหวัดชายแดนใต้ กำลัง”สำลักน้ำท่วม”…น่าเศร้าใจชะมัด @@

เหล่าเสนาบดีรัฐบาลนายกฯแพทองธาร รวมทั้ง”ลิ่วล้อ” ออกอาการปากกล้าขาสั่น บอก”ม็อบจุดไม่ติด” หลัง สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งน.ส.พ.ผู้จัดการ หัวขบวนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศถือฤกษ์ ๙ ธ.ค.บุกทำเนียบรัฐบาล ยื่นหนังสือ”ฉีกเอ็มโอยู ๔๔” ที่ถูกทำคลอดสมัยรัฐบาลทักษิณ ถือเป็น”จุดพลุ” ชักธงกดดันรัฐบาลแพทองธาร…ม็อบจุดติด-ไม่ติด อยู่ที่พฤติกรรมรัฐบาล @@

ว่ากันตามเนื้อผ้าไม่เข้าข้างใคร…๑๖ เดือนของรัฐบาลเพื่อไทย เปลี่ยนนายกฯไปแล้ว ๒ คน แต่ความชัดเจนโปร่งใส ในการทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อผลประโยชน์ชาติ ที่ประชาชนรอคอยไม่มีวี่แววจะผลิดอกงอกเงย
๑).กรณีทักษิณ เช็คอินชั้น ๑๔ รพ.ตร.
๒).กรณีที่ดินเขากระโดง ของ รฟท.
๓).กรณีที่ดินธรณีสงฆ์ของยายเนื่อม ที่กลายเป็นสนามกอล์ฟ+คฤหาสน์เศรษฐี
๔).กรณีเอ็มโอยู ๔๔
๕).กรณี”บอนไซ” กฟผ.เอื้อกลุ่มทุนพลังงาน บริวารนายใหญ่@@

ปิดท้ายสวนข่าววันนี้ สำนักวิจัยเกียรตินาคินภัทร พยากรณ์จีดีพีไทยจะอ่อนแอที่สุดในอาเซียนต่อเนื่อง โดยจีดีพี ปี ๒๕๖๘ จะโตแค่ ๒.๖% และจะแผ่วลงอีกเหลือ ๒.๔% ในปี ๒๕๖๙ ด้วยเหตุปัจจัยหลัก ๓ ประการ ๑).ภาคการผลิตยังไม่ฟื้น ๒).กำลังซื้อในประเทศยังสลบ ๓).แรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวอ่อนล้า ส่งผลกดดันให้แบงก์ชาติ ต้องขยับทุบดอกเบี้ยนโยบายลง ๓ ระลอกในปี ๒๕๖๘ กระทั่งอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีแนวโน้มจากลดลงจาก ๒.๒๕% ตอนนี้ มาเหลือ ๑.๕% ในปี ๒๕๖๘…@@

ฮูก ตาตี่