กรณี สส.หื่น ไม่เพียงไม่สำนึกผิด แถมยังกระทำคุกคามเหยื่อซ้ำ ด้วยการ”ตีหน้าซื่อ”นำข้อมูลการพูดคุยกัน อันเป็นข้อมูลส่วนบุคคลมาเปิดเผยประจานเหยื่อ น่าจะต้องถูก”ประหารชีวิตทางการเมือง” ฐานกระทำผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ถามว่าใครจะส่ง สส.หื่นรายนี้ สังเวยกิโยตินจริยธรรมอย่างร้ายแรง ???
ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลนั่นแหละ สมควรต้องลงมือด้วยตัวเองอย่างที่สุด เพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์ กอบกู้เกียรติภูมิของพรรคที่กำลังมัวหมองให้กลับคืนสู่ความสง่างาม….
อย่าไปมัวเสียเวลายืดยาดจัดประชุมลงมติขับไล่ ให้มันเยิ้นเย้ออยู่เลย
รีบจัดการทำหนังสือร้อง ปปช.กล่าวหา สส.หื่น รายนี้ กระทำผิดจริยธรรมร้ายแรง แล้วนำไปยื่นต่อ ปปช.โดยเร็วที่สุด เพื่อให้ปปช.ดำเนินกระบวนการไต่สวน แล้วเสนอเรื่องต่อศาลฏีกาเพื่อวินิจฉัยชี้ขาด จะดูดีมีคุณค่ากว่ากันเยอะเลย
ผลดีจากการกระทำแบบนี้มีหลายสถาน….
๑. สำแดงให้ทุกคนรับรู้ว่าพรรคก้าวไกล จริงจังกับการจัดการกวาด”ขยะ”ในพรรค และ”กำจัดขยะ”ออกจากสังคมการเมือง
๒. เป็นพรรคการเมืองตัวอย่างในการสร้างบรรทัดฐานการเมืองใหม่ บนฐานจริยธรรม-จรรยาบรรณที่ดี ซึ่งมีความยิ่งใหญ่กว่ากฏหมาย
๓. ฟื้นฟูภาพลักษณ์ให้กลับคืนมาโดยไว และยกระดับความเฉิดไฉไลให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก
รีบทำซะ อย่ารอให้”คุณศรีสุวรรณ” คว้าชิ้นปลามันไป…มันน่าเสียดาย-ขายขี้หน้าตายชัก !!!
ศักดิ์ชัย พฤฒิภัค
๕ พ.ย. ๒๕๖๖
ตัดหางปล่อยป่าช้าซะเถอ…
Related Posts
ส่องชีพจรปากท้องไทย ๒๕๖๗ โคตรเพี้ยน !!
หนี้ธุรกิจท่วมกว่า ๑๕๕% ของจีดีพี แต่”ทำใบ้”
๓๖๖ วันของศักราช ๒๕๖๗ ปีมะโรง งูใหญ่ ที่กำลังผ่านพ้นไป บรรดาสำนักเศรษฐกิจทั้งระดับชาติ และระดับโลก ล้วนทำนายทายทักชีพจรปากท้องไทย เพี้ยน-เพี้ยน-เพี้ยน ไปจากความจริงโดยพร้อมเพรียงกัน
ธนาคารแห่งประเทศไทย ที่มีท่านผู้ว่าการที่หยิ่งทะนงในเกียรติยศศักดิ์ศรีอย่างยิ่ง พยากรณ์ชะตากรรมเศรษฐกิจไทยปี ๒๕๖๗ เพี้ยนรุนแรงกว่าใครๆ โดยคาดการณ์จีดีพีไทยปี ๒๕๖๗ จะอ้วนท้วนสมบูรณ์ขึ้นจากปี ๒๕๖๖ สูงลิบลิ่วถึง ๔.๔%….มิน่าถึงได้มั่นอกมั่นใจยืนดอกเบี้ยนโยบายไว้แข็งทื่อ
ทำนองเดียวกันกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่เคยบีบคั้นกดดันรัฐบาลไทยสารพัดในช่วงที่เราเผชิญวิบากกรรมวิกฤตเศรษฐกิจปี ๒๕๔๐ ก็เพี้ยนในระดับเดียวกับธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยการคาดการณ์อัตราการเติบโตจีดีพีไทยปี ๒๕๖๗ ไว้ที่ ๔.๔%
ธนาคารโลก..ฝาแฝดไอเอ็มเอฟ ก็พยากรณ์เพี้ยน แต่ไม่สาหัสเท่าไอเอ็มเอฟ โดยคาดการณ์จีดีพีไทยปี ๒๕๖๗ จะโต ๓.๒% สูสีกับคำพยากรณ์ของธนาคารพัฒนาเอเซีย (เอดีบี) ที่ทำนายทายทักจีดีพีไทยปี ๒๕๖๗ ไว้ที่ ๓%
หันมาโฟกัส”ความเพี้ยน”ของคำพยากรณ์องค์กรเศรษฐกิจภาครัฐ นอกเหนือจากแบงก์ชาติผู้ทรนงกันบ้าง…
สภาพัฒน์ฯ และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง พยากรณ์จีดีพีปี ๒๕๖๗ เอาไว้เท่ากันที่ ๓.๒%
สำหรับองค์กรเศรษฐกิจภาคเอกชน ก็เพี้ยน-เพี้ยน-เพี้ยนตามๆกัน
ศูนย์วิจัยธนาคารกรุงไทย-ศูนย์วิจัยธนาคารทีทีบี และศูนย์วิจัยธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ทำนายจีดีพีไทยปี ๒๕๖๗ ไว้เท่ากันที่ ๓.๑% ขณะที่ศูนย์วิจัยธนาคารกสิกรไทย และศูนย์วิจัยธนาคารไทยพาณิชย์ คาดการณ์จีดีพีไทยปี ๒๕๖๗ ไว้เท่ากันที่ ๓.๐% ส่วนศูนย์วิจัยธนาคารกรุงศรีอยุธยา คาดการณ์จีดีพีไทยปี ๒๕๖๗ ไว้สวยหรูดูดีถึง ๓.๔%
๓๖๖ วันผ่านไป…ความจริงของจีดีพีไทยปี ๒๕๖๗ เพี้ยนไปจากคำทำนายทุกสำนักเศรษฐกิจที่เคย”ฟันธง”ไว้ก่อนสิ้นปี ๒๕๖๖ อย่างสิ้นเชิง
จีดีพีปี ๒๕๖๗ ที่คาดการณ์อยู่ระหว่าง ๓.๐-๔.๔%
จีดีพีปี ๒๕๖๗ ที่เป็นจริงคือ…โตแค่ ๒.๖% หรือมีค่าความ”เพี้ยน” สูงลิ่วถึงกว่า ๔๐%
เบื้องลึกก้นบึ้งความเพี้ยน….ถามว่าเป็นเหตุสุดวิสัยมั้ย?
คำตอบน่าจะ”ไม่ใช่”
คำตอบน่าจะมาจากความจงใจ”ละเว้น”ไม่จับเอา”หนี้ภาคธุรกิจ”มาเป็นปัจจัยในการวิเคราะห์
บรรดาสำนักเศรษฐศาสตร์ทั้งหลาย เหมือน”เตี๊ยมกัน” ให้โฟกัสอยู่แค่”หนี้สาธารณะ” ๑๒ ล้านล้านบาท กับ”หนี้ครัวเรือน” ๑๖ ล้านล้านบาท” โดยรวมหัวกันไม่ข้องแวะแตะต้อง”หนี้ภาคธุรกิจ” ที่มีขนาดมหึมาเท่ากับ”หนี้สาธารณะ+หนี้ครัวเรือน” คือ ๒๘ ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนสูงลิบลิ่วถึงกว่า ๑๕๕% ของจีดีพี
อนาคตชะตากรรมเศรษฐกิจประเทศไทยปีใหม่ ๒๕๖๘ มีความเสี่ยงสูงยิ่งที่จะเผชิญวิบากกรรมสาหัสสากรรจ์อันเนื่องมาจากหนี้ภาคธุรกิจที่สูงกว่าจีดีพีถึง ๑.๕๕ เท่าตัวนี่แหละ….
ไม่ได้เพี้ยน และไม่ได้ขู่ แต่มันคือสัญญาณอันตรายร้ายแรงของจริง !!!
ศักดิ์ชัย พฤฒิภัค
๓๑ ธ.ค.๒๕๖๗
แง่งามในความเป็น “เพลิน พรหมแดน” หาใช่แค่ผู้บุกเบิกเพลงพูด หรือลูกทุ่งแรป..
อีกด้านที่งดงามในแง่มุมชีวิตของเพลิน พรหมแดน ที่หลายคนอาจไม่รู้จัก เพลิน พรหมแดน สนใจศึกษาธรรมกราบหลวงตามหาบัวเป็นครูบาอาจารย์ และปรวณาตนบำรุงคณะสงฆ์สายธรรมยุต สละทรัพย์บูรณะวัดกิโลสาม หรือวัดศรีอุทัย จนได้รับการยอมรับว่าเป็นวัดในคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุต ของ อ.อรัญประเทศ มาจนทุกวันนี้