สวนข่าว ประจำวันจันทร์ที่ ๙ ต.ค.๒๕๖๖ แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีเถาะ

…ชีวิตถูกปลิดปลิวยิ่งกว่าใบไม้ร่วงสังเวยสงครามห้ำหั่นกันระหว่างปาเลสไตน์ฮามาสกับอิสราเอล ที่อุบัติขึ้นตอนเช้ามืดวันเสาร์ที่ ๗ ต.ค.ที่ผ่านมา…@@
ปาเลสไตน์ฮามาส เลือกวัน”สะบาโต”หรือ”วันมหาปิติ”ตามศาสนายูดาห์ของชาวยิว เปิดปฏิบัติการ””อัลอักซาฟลัด” ปลดแอก”กาซา”จากการกดขี่ของอิสราเอล ด้วยการจู่โจมแบบสายฟ้าแลบบก-น้ำ-ฟ้า โดยไม่เปิดให้กองทัพอิสราเอลได้ตั้งตัว…@@
เสาร์ที่ ๗ ต.ค.ที่กองกำลังปาเลสไตน์ฮามาส ระเบิดสงครามถล่มอิสราเอล ยังเป็นวันครบรอบ ๕๐ ปี สงครามแนวร่วมอาหรับกับอิสราเอล หรือ “สงครามยมคิปปูร์”…แต่จะขยายวงบานปลายเป็น”สงครามโลกครั้งที่ ๓” หรือไม่-พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ @@
สงครามที่กำลังประจัญบานกันดุเดือด คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์หลายเชื้อชาติไปแล้วนับพัน ในจำนวนนี้มีคนไทยรวมอยู่ด้วย…ในจำนวนนี้มีคนหนุ่มสาวที่ไปร่วมเทศกาลดนตรีซูเปอร์โนวา ในทะเลทรายเนเกฟ ใกล้เมืองคิบบุตซ์เรอิม และใกล้สมรภูมิสู้รบ ต้องสังเวยชีวิตไปด้วย…@@
ปฏิบัติการโจมตีสายฟ้าแลบของปาเลสไตน์ฮามาส ต่ออิสราเอล ทำเอานักยุทธศาสตร์ความมั่นคง ต้องลบความคิดความเชื่อเก่าๆที่ให้ค่าอิสราเอลไว้สูงลิ่วทิ้งทั้งหมด…ระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศ “Iron Dome” ที่เคยเชื่อว่าเจ๋งที่สุดในโลก โดนจรวดถล่มยับเยิน-”รั้วอัจฉริยะ” ที่เคยเชื่อเป็นปราการป้อง
กันการลุกล้ำชั้นเลิศ ก็โดนกระซวกพรุน-หน่วยข่าวกรอง”มอสซาด” ที่เคยได้รับยกย่อง เป็นหน่วยข่าวกรองไร้เทียมทานที่สุด ก็โดนหยามล้มละลายไปพร้อมกับซากปรักหักพัง….@@
นักวิเคราะห์การเมืองอ่านสงครามครั้งนี้ ถูกวางแผนเตรียมการมาดีเยี่ยม และหวังผล”ทำลาย”แผนสันติภาพอิสราเอล-ซาอุดิอาระเบีย ที่มีสหรัฐ เป็นตัวกลาง ซึ่งกำลังก้าวหน้าเร็วมาก และเลือกถล่มอิสราเอลในจังหวะที่พลังอำนาจของนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู กำลังอ่อนปวกเปียก ด้วยบาดแผลจากคดีคอร์รัปชั่น ประชาชน-กองทัพหมดความเชื่อถือศรัทธา….@@
ปฏิกิริยานานาชาติต่อสงครามปาเลสไตน์ฮามาส-อิสราเอล แยกเป็น ๓ มิติ มีทั้ง๑).หนุนปาเลสไตน์-๒).ต่อต้านประณามปาเลสไตน์-๓).วางตัวเป็นกลาง แสวงหาสันติภาพ…แน่นอนประเทศไทย ฝักใฝ่ทางเลือกที่ ๓ ทางสายกลาง @@
ฮูก ตาตี่

ดิจิทัลวอลเล็ต..พายุหมุนการเมืองระลอกใหม่!!!

ปฏิกิริยาสะท้อนความคิดเห็นต่อนโยบายแจกฟรี ๑ หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ตแก่พลเมืองไทยอายุ ๑๖ ปีขึ้นไป ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญยิ่งของนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลเศรษฐาแห่งพรรคเพื่อไทย กำลังเกิดการปะทะกันระหว่าง”ขั้วเชียร์” กับ”ขั้วค้าน” และส่อเค้าจะทวีความเข้มข้น รุนแรง กระทั่งยกระดับกลายเป็น”พายุหมุนหมุนทางการเมืองระลอกใหม่”
ความเห็นต่างระหว่างขั้วความคิด ยังเร็วเกินไปที่จะด่วนสรุปฝ่ายใดถูก-ฝ่ายใดไม่ถูก หรือฝ่ายใดเห็นแก่ชาติ-ฝ่ายใดเห็นแก่ตัว ?
ทำไมเป็นยังงั้น ???
คำตอบคือทุกความคิดเห็น ล้วนมีที่มาจาก”ภาพฝันในจินตนาการ” ผสมผสานกับชุดข้อมูลเดิม แล้วแต่งเติมด้วยชุดความคิดที่ปนเปื้อนด้วยมายาคติ
จนถึงตอนนี้ ขณะที่พลเมืองไทยแบ่งแยกเป็น ๒ ขั้ว:”เอา”กับ”ไม่เอา”ดิจิทัลวอลเล็ตชัดเจน ยังคงปราศจากข้อมูลรายละเอียดที่ชัดเจนของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต จากทุกคนในรัฐบาล
นายกรัฐมนตรีที่นั่งยันยืนยันนอนยัน เดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต ก็กลวงโบ๋ในรายละเอียดของนโยบาย….
สิทธิในการได้รับแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต จะครอบคลุมพลเมืองสัญชาติไทยอายุ ๑๖ ปีขึ้นไปทุกคน..ทุกครัวเรือน..ทุกฐานะทางเศรษฐกิจ…และทุกสถานภาพ โดยปราศจากข้อยกเว้นกรณีนักโทษ-ผู้ต้องขัง-นักบวช หรือไม่อย่างไร….ไม่รู้-ไม่มีคำตอบ !!
แหล่งที่มาของเงินที่จะเสกเป็นดิจิทัลวอลเล็ต มาจากไหน..มายังไง…เป็นภาระหนี้สาธารณะ…เป็นภาระงบประมาณ หรือไม่อย่างไร…ไม่รู้-ไม่มีคำตอบ!!
กลไกกระบวนการบริหารจัดการให้เงินดิจิทัลวอลเล็ต ทำหน้าที่เสริมเติมความแข็งแรงแก่ระบบหมุนเวียนเศรษฐกิจฐานราก เศรษฐกิจชุมชน ปั๊มอัตราการเต้นของชีพจรเศรษฐกิจให้คึกคักจะทำกันอย่างไร…ไม่รู้-ไม่มีคำตอบ !!
คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเงินดิจิทัล หรือ “คณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ต” ที่ประกอบร่างขึ้นจากรองนายกรัฐมนตรี-รัฐมนตรี-ปลัดกระทรวง-ผู้ว่าธปท.-ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ-เลขาธิการสภาพัฒน์-เลขาธิการกฤษฏีกา-อัยการสูงสุด-ผบ.ตร. ไม่มีหลักประกันใดๆที่จะเติมเต็มความโหวงเหวง ไขข้อข้องใจในนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตให้เกิดความกระจ่าง และสร้างความมั่นใจในสรรพคุณของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตให้บังเกิดขึ้น
ตราบใดก็ตามที่รัฐบาลไม่มีข้อมูลจากฐานความรู้ทางวิชาการที่เชื่อถือได้ในคุณูปการของดิจิทัลวอลเล็ต แล้วดันทุรังเดินหน้านโยบายนี้ โดยไม่นำพาต่อการผลักประเทศเข้าสู่ความเสี่ยงขั้นมหันต์
เห็นทียากจะหยุด…พายุหมุนทางการเมืองรอบใหม่ !!!
ศักดิ์ชัย พฤฒิภัค
๗ ต.ค. ๒๕๖๖

สวนข่าว ประจำวันศุกร์ที่ ๖ ต.ค.๒๕๖๖ แรม ๗ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีเถาะ

…ครบรอบ ๔๗ ปีแห่งความวิปโยคโศกศัลย์จากความแตกแยกแบ่งฝักฝ่ายถึงขั้นประหัตประหารกันอย่างโหดเหี้ยมในกรุงเทพมหานคร…@@
แผลเป็นจากความเห็นต่างทางการเมือง ที่ลงเอยด้วยเลือด-น้ำตา-ชีวิต ยังคงตราตรึงในความทรงจำของคนร่วมสมัยในยุคนั้น ที่วันนี้หลายคนหวนกลับมาถืออำนาจรัฐในมือ…หวังว่าจะไม่จุดชนวนสร้างประวัติศาสตร์ซ้ำรอยความปวดร้าวซะเอง @@
ชีพจรการเมืองไทยวินาทีเคลื่อนไหวแปลกพิกล..จู่ๆ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.ปาร์ตี้ลิสต์เพื่อไทย ก็มีประเด็น”กวนบาทา” กับ ทักษิณ ชินวัตร นักโทษเด็ดขาดชายผู้มีบารมีนอกพรรคเพื่อไทย…จู่ๆก็มีไวรัล “เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล”…จู่ๆ ชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และสส.ปาร์ตี้ลิสต์เพื่อไทย ก็ ลาออกจากความเป็น สส.ซะงั้น…@@
ปฏิกิริยาความเคลื่อนไหวในก้าวไกล ก็พิลึกไม่แพ้กัน…จู่ๆปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ก็วิจารณ์คณะผู้บริหารพรรค ด้วยถ้อยคำดุเด็ดเผ็ดร้อนมาก มีทั้ง”น่าอาย-น่าสมเพช” กรณีไปทะเลาะแย่งตำแหน่งรองประธาน กมธ. ต่อหน้าสส.พรรคอื่น หรือ “ต่อไป คณะนำจะ can do no wrong และ can do everything..” ขณะที่ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ตอบกลับแบบนิ่มๆ..”นายปิยบุตร อาจไม่ได้รับทราบว่าทีมเจรจาต้องประสบปัญหาอย่างไรบ้าง…ทีมเจรจาของพรรค ตัดสินใจดีที่สุดแล้วบนสถานการณ์ทางการเมืองนี้”…@@
มาตรการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ๑ หมื่นบาทแก่พลเมืองไทยอายุ ๑๖ ปีขึ้นไปของรัฐบาล กำลังเผชิญแรงเสียดทานเข้มข้นหนักขึ้น ล่าสุด ๙๙ นักเศรษฐศาสตร์แถวหน้าของประเทศ มีอดีตรมต.-อดีตผู้ว่าธปท.-อดีตรองผู้ว่าธปท.-อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์รวมอยู่ด้วย เข้าชื่อกันคัดค้านอย่างแข็งขัน แจงเหตุผล”ได้ไม่คุ้มเสีย” แถมเสี่ยงพาประเทศล้มละลาย…นายกเศรษฐา ทำได้แค่แบะๆ เถียงไม่ออกบอกไม่ถูก แต่ยืนยันเดินหน้า..ไม่มีถอย ไม่มีถอน @@
จนถึงตอนนี้มาตรการดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล ไม่ต่างอะไรกับ”วิมานล่องลอยในอากาศ” ปราศจากรายละเอียดรูปธรรมจับต้องได้ จึงไม่แปลกที่นายกรัฐมนตรี และรมต.ทั้งคณะ จนปัญญาอธิบายทำความเข้าใจกับชาวบ้าน..อับจนเหตุผลโต้แย้งหักล้างกับนักวิชาการ…@@
ไหนๆก็ไหนๆ นายกรัฐมนตรี ยืนยันเดินหน้ามาตรการดิจิทัลวอลเล็ต จำเป็นอย่างยิ่งที่นายกรัฐมนตรี ต้องรีบทำความชัดเจนมาตรการนี้ให้เป็นรูปธรรม พร้อมคำอธิบายผลลัพธ์-ผลสัมฤทธิ์-ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยมีฐานข้อมูลที่ถูกต้องตามหลักวิชาการรองรับ เพื่อความน่าเชื่อถือ…หาไม่แล้วราคาหุ้น-ค่าเงินบาทลื่นไหลหัวทิ่มหัวตำไม่หยุดแน่ @@
แบบจำลองเศรษฐมิติ สะท้อนผลลัพธ์มาตรการดิจิทัลวอลเล็ต ต้องเร่งศึกษาวิจัยจัดทำเป็นชุดคำอธิบายที่มีฐานด้านวิชาการรองรับ…นักเศรษฐศาสตร์ที่ช่ำชองเศรษฐมิติ ต้องระดมมาช่วยกันทำงานด่วนที่สุด….ต้องไม่ลืมเด็ดขาดเดิมพันมาตรการนี้เกี่ยวพันกับหายนะของเศรษฐกิจชาติ…@@
ปิดท้ายสวนข่าววันนี้ กรณีอาฟเตอร์เอฟเฟคท์จากโศกนาฏกรรมสยามพารากอน อยากเห็นกระทรวงมหาดไทย ออกประกาศยกเลิกใบอนุญาตพกพาอาวุธปืนที่ออกไปแล้วทั้งหมด แล้วเปิดให้ยื่นคำร้องขอใบอนุญาตใหม่ ภายใต้ระเบียบหลักเกณฑ์ใหม่ ที่ทุกคนต้องผ่านการฝึกอบรมการใช้อาวุธปืน จากหน่วยงานที่ได้รับการรับรอง ทำนองเดียวกับใบอนุญาตขับขี่ยานพาหนะ…@@
ฮูก ตาตี่

สวนข่าว ประจำวันพฤหัสบดีที่ ๕ ต.ค.๒๕๖๖ แรม ๖ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีเถาะ

…อาฟเตอร์ช็อคโศกนาฏกรรมสยามพารากอนยังกระเพื่อมรัวๆนัวเนียไปกับการจัดระเบียบการครอบครองอาวุธปืน และสิ่งเทียมอาวุธปืน ถึงขั้นเกิดกระแสผลักดันยกเครื่อง พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ที่ใช้กันมาตั้งแต่ปีมะโว้ เมื่อ ๗๖ ปีล่วงแล้ว…@@
ผลกระทบจากเหตุการณ์”ฆาตกรเด็ก” ก่อคดี”ฆาตกรรม” กระตุกให้กระแสสังคมจดจ่ออยู่กับการจัดระเบียบการครอบครองอาวุธปืน แต่ให้ความใส่ใจระดับต่ำกับการจัดระเบียบครอบครัว-จัดระเบียบหลักสูตรการเรียนการสอนโรงเรียน ทั้งที่เป็นรากเหง้าความรุนแรง…@@
ปืน-มีด-ระเบิด แม้เป็นอาวุธทำลายล้างชีวิต แต่มันก็แค่”สิ่งของไร้ชีวิต” ไม่มีขีดความสามารถทำร้ายใครได้ เว้นแต่จะมี “คน” ใช้มันไป “ฆ่าคน” ดังนั้นแก่นของเหตุฆาตกรรม อยู่ที่คน และต้องแก้ที่คน เป็นสำคัญ…@@
การที่เด็กอายุแค่ ๑๔ จะฆ่าคนท่ามกลางฝูงชนได้ ต้องโหดอมหิตเลือดเย็นขนาดไหน…อะไรบ้างคือเหตุปัจจัยบ่มเพาะความอมหิตให้กับเด็ก กระทั่งกลายเป็น “ฆาตกรวัยใส” เป็นประเด็นใหญ่ที่ต้องช่วยกันเค้นหาคำตอบ
ยามนี้ปฏิกิริยาความเห็นที่สื่อสารกันโลกสังคมออนไลน์ เชื่อมโยงพฤติกรรม”ฆาตกรวัยใส” กับ “จูนิเบียว” ตามตำราญี่ปุ่น ที่สะท้อนบุคลิกภาพเด็ก ม.๒ ชอบทำตัวขวางโลก-อวดรู้อวดเก่ง-หลงตัวเอง…นักมานุษยวิทยา-นักสังคมวิทยา-นักจิตวิทยา ต้องบูรณาการความรู้มาช่วยกันถอดระหัสด่วนจี๋ เพื่อแสวงหาหนทางป้องกันแก้ไขให้ถูกต้องทันเหตุการณ์…@@
มาตามนัดจุดพลุ”ดับเบิลบิ๊กเซอร์ไพร์ส”..ทนายเปี๊ยก-อนันต์ชัย ไชยเดช ควงคู่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย บุกยื่นคำร้อง ปปช.เอาผิด เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร.ร่วมกับ ก.ตร.อีก ๙ คน ฐานแต่งตั้ง ผบ.ตร.ขัดรัฐธรรมนูญ และไม่ชอบด้วยพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฉบับปฏิรูป…เก้าอี้นายกรัฐมนตรี ออกอาการโงนเงนเล็กน้อย…@@
เปิดโผรายชื่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) กลไกใหม่เอี่ยมที่เกิดขึ้นภายใต้พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฉบับปฏิรูป ประกอบด้วย ๗ อรหันต์ ๑.ธวัชชัย ไทยเขียว ๒.พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ๓.พล.ต.อ.อำนาจ อันอาตน์งาม ๔.พล.ต.ท.อาจิณ โชติวงศ์ ๕.พล.ต.ท.ปัญญา เอ่งฉ้วน ๖.วันชาติ สันติกุญชร ๗.สมรรถชัย วิศาลาภรณ์…พอจะเห็นแสงสว่างรำไรทำให้การกรีฑาเขย่งก้าวกระโดดในวงการตำรวจเบาบางลงได้มั่ง…@@
ส่องกล้องมองความเคลื่อนไหว”ดิจิทัลวอลเล็ต ๑ หมื่นบาท” ซักนิด…ประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตฯนัดปฐมฤกษ์ผ่านไป ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ปฏิกิริยา”ต่อต้านดิจิทัลวอลเล็ต” ก่อตัวขึ้นแล้ว ส่อเค้าขยายวงรวดเร็วมาก ด้วยเหตุผล”ไม่ต้องการเห็นประเทศชาติล่มจมล้มละลาย”…ไม่อยากให้เงินบาทต้องกลายเป็น”ดอกไม้จันทน์” @@
ฮูก ตาตี่

สวนข่าว ประจำวันพุธที่ ๔ ต.ค.๒๕๖๖ แรม ๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีเถาะ

…ควันหลงเหตุโศกนาฏกรรม ณ สยามพารากอนยังตลบอบอวลต่อเนื่องจากเมื่อวานถึงวันนี้…@@
สื่อสังคมออนไลน์ในจีน ยังโหมกระพือเหตุการณ์ยิงกันที่สยามพารากอน มีผู้หญิงจีนเสียชีวิต ๑ คน บาดเจ็บ ๑ คน ซ้ำเติมความหวาดกลัวให้เพิ่มขึ้นไปอีก แต่แปลกจัง กลับไม่สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของสถานฑูตไทยในจีน ออกมาชี้แจงสร้างความเข้าใจให้คนจีนคลายความหวาดกลัว…@@
ควันหลงโศกนาฏกรรมสยามพารากอน ผู้เชี่ยวชาญจิตเวชศาสตร์พากันวิเคราะห์พฤติกรรม”ฆาตกรวัย ๑๔” เป็นคุ้งเป็นแคว แถมแนวการวิเคราะห์”เฉาะ”ไปที่พฤติกรรมการนำเสนอข่าวของคนทำสื่อ แต่ไม่ยักมีใครตั้งข้อสงสัยทะลุทะลวงไปที่สถานศึกษาของ”ผู้ก่อเหตุ”…@@
คุ้ยแคะแกะเกาเข้าไปในสถานศึกษา ไม่ประหลาดใจกันบ้างหรืออย่างไรกับชื่อผู้บริหารสูงสุดของโรงเรียน พ้องกับชื่ออดีต รมต.กระทรวงศึกษาฯ “ยุครัฐบาล ๓ ป”…ไม่แปลกใจกันบ้างหรืออย่างไรที่ผู้บริหารสูงสุดของโรงเรียน เป็น “เซียนด้านจิตเวชศาสตร์”…@@
สับสนงวยงงกับคำอธิบายปรากฏการณ์”บาทรูด-หุ้นร่วง”ของ”ผู้ว่าฯเทวดา” บอกเป็นเพราะค่าเงินดอลลาร์แข็ง-เป็นเพราะค่าบาทถ่วงน้ำหนักไว้กับเงินหยวนมาก-เป็นเพราะมีการทำธุรกรรมค้าทองคำมาก แตกต่างกันลิบลับกับคำอธิบายของนักวิเคราะห์เศรษฐกิจ ที่บอกว่าเป็นผลกระทบจากแรงกระเพื่อมของการเก็งกำไรในตลาดตราสารการเงิน ที่สหรัฐอเมริกา สมทบกับความไม่เชื่อมั่นในนโยบายเศรษฐกิจรัฐบาลไทย…แบบนี้ไม่รู้เชื่อใครแล้วจะรวย-เชื่อใครแล้วจะซวย@@
ฮูก ตาตี่

สวนข่าว ประจำวันอังคารที่ ๓ ต.ค.๒๕๖๖ แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีเถาะ

…ขอแสดงความเสียใจกับโศกนาฏกรรม กลางห้างสรรพสินค้าดัง ใจกลางเมืองหลวง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต ๒ ราย-บาดเจ็บ ๕ ราย…@@
ช็อคกว่าช็อค..มือปืนผู้ก่อเหตุฆาตกรรม เป็น เยาวชนอายุแค่ ๑๔ ปี บุตรชายของคุณพ่อและคุณแม่ที่มีสถานะทางสังคมระดับสูง…มีอะไรเป็นแรงจูงใจก่อเหตุโศกนาฏกรรมอุกอาจรุนแรงกลางฝูงชน??…เข้าถึงอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนได้ยังไง ?? @@
เหตุการณ์ความรุนแรงนี้ อาจเป็น”ลางร้าย”ทำลายมาตรการ”ฟรีวีซ่า” ซ้ำเติมความหวาดระแวงในความไม่ปลอดภัยในหมู่ชาวจีน ด้วยเหตุ สุภาพสตรีชาวจีนคือ ๑ ใน ๒ ผู้เคราะห์ร้ายที่ตายสังเวยคมกระสุนเด็ก ๑๔ ขวบ ตามข้อความพาดหัวข่าวของเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์”Thai teen arrested after shooting at Bangkok’s Siam Paragon shopping centre kills 2 ,include 1 Chinese woman”..@@
ต้องขอตีมือแรงๆหลายๆแปะ แสดงความชื่นชมในปฏิกิริยาฉับไวนายกฯเศรษฐาที่ต่อสายรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และแสดงความเสียใจกับความสูญเสียของสุภาพสตรีชาวจีน ให้เอกอัครราชฑูตจีนได้รับทราบโดยตรง ด้วยตัวเอง…แบบนี้น่าจะช่วยให้ร้ายกลายเป็นดีได้ @@
โศกนาฏกรรม ณ สยามพารากอน ถูกสื่อสารพัดสำนัก กระพือดังกระฉ่อนไปทั้งโลก แค่เปิดกูเกิลใส่คำค้น “shooting siam paragon”…ข่าวพึ่บพั่บขึ้นมาให้ดูกันไม่หวาดไม่ไหว…@@
ประเด็นพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงในเด็กเยาวชน เป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวพันกับกระบวนการอบรมเลี้ยงดูในสถาบันครอบครัวอย่างแนบแน่น และรัฐบาล ต้องยื่นมือเข้ามาเป็นเจ้าภาพ ออกแบบกลไกแก้ไขปัญหาร่วมกับทุกภาคส่วนในสังคม ก่อนที่จะถูก “เกม”กลืนกินกันไปซะหมด…@@
ที่เมืองจีน ก็กำลังเผชิญปัญหาเด็กเยาวชน มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง-อกตัญญู ทำร้ายบุพการี โดยเลียนแบบมาจากเกมออนไลน์ กระทั่งทางการจีน กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ต้อนเด็กเยาวชนเข้าค่าย ปรับทัศนคติ-ปรับพฤติกรรม-อบรมคุณธรรม-ฝึกการใช้ชีวิตร่วมกัน-ฝึกการบริการสังคม-บ่มเพาะจิตอาสา ทำนองเดียวกับ “นักศึกษาวิชาทหาร” หรือ “วิชาลูกเสือ”…@@
เลี้ยวเข้าการเมืองเรื่องแก้รัฐธรรมนูญกันหน่อย…กดปุ่มเดินหน้ากระบวนการยกเครื่องรัฐธรรมนูญตามสัญญา นายกฯเศรษฐา ตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติและแนวทางร่างรัฐธรรมนูญ 35 คนเรียบร้อย มีภูมิธรรม เวชยชัย ประธาน ชูศักดิ์ ศิรินิล-กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ รองประธาน-นิกร จำนงค์ โฆษก…เห็นรายชื่อและที่มาของกรรมการแล้ว ต่อมความหวังพองโตขึ้นมาได้ไม่น้อยเลย @@
โหวตเลือกเรียบร้อย ประธาน กมธ.สภาผู้แทนราษฏร…ก้าวไกล ยึดไป ๑๐ คณะ…วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ประธานกมธ.ทหาร-รังสิมันต์ โรม ประธาน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ประธาน กมธ.ติดตามงบประมาณ-พริษฐ์ วัชรสินธุ ประธาน กมธ.พัฒนาการเมืองฯ…ถูกฝาถูกตัวดีมาก @@
ฮูก ตาตี่

สวนข่าว ประจำวันจันทร์ที่ ๒ ต.ค.๒๕๖๖ แรม ๓ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีเถาะ…

ประเดิมศักราชใหม่ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๗ ที่ใช้ตามงบประมาณประจำปี ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน จนกว่าพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๗ จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ…โน่นเลยปลายเม.ย.๒๕๖๗ ล่าช้าไปกว่า ๖ เดือน…@@
ล่วงเข้าเดือนที่ ๒ ของการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีเศรษฐา เปิดมิติใหม่เอี่ยม”ติวเข้มวิชางบประมาณ”ให้ สำนักงบประมาณ และหน่วยรับงบประมาณทั้งหลาย ใช้เป็น”คัมภีร์” สำหรับปรับปรุงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๗..สั่งวันนี้ กำหนดเส้นตายให้ส่งไม่เกินวันที่ ๖ ต.ค. ยิ่งกว่าไฟลนก้นข้าราชการ @@
โจทย์ใหญ่ในกระบวนการจัดทำงบประมาณตามนโยบายที่นายกฯเศรษฐา สั่งการวันนี้ คือต้องตอบโจทย์ประเด็นความท้าทายของประเทศ-ต้องตอบโจทย์การฟื้นฟูรายได้-ต้องตอบโจทย์การขยายโอกาส-ต้องตอบโจทย์การยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน-ต้องไม่มีรายการซ้ำซ้อน-ต้องรักษาวินัยการเงินการคลัง-ต้องมีตัวชี้วัดและเป้าหมาย…รวมเบ็ดเสร็จ ๗ ต้อง-นี่คือ”ปฏิวัติเงียบ”กระบวนการจัดทำงบประมาณประเทศ…@@
น่าคิดชวนพิศวงยิ่ง นโยบายงบประมาณโดยนายกฯเศรษฐา ไม่มีแม้แต่ข้อความเดียวเลี้ยวไปเกาะเกี่ยวแผนยุทธศาสตร์ชาติ-แผนปฏิรูปประเทศ ที่เป็นคาถายอดนิยมยุค ๓ ป. ไม่รู้หลงลืมไปโดยบังเอิญ หรือ จงใจลืม @@
ปิดห้องคุยกันที่กระทรวงการคลัง จบไปเรียบร้อยผู้ชาย ๒ เศรษฐ..เศรษฐา นายกรัฐมนตรี กับ เศรษฐพุฒิ ผู้ว่าแบงก์ชาติ…ฝ่ายแรกบอกไม่มีอะไรในกอไผ่ แค่พูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกัน มีทั้งเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย…ฝ่ายหลังไม่กระแอมกระไอซักแอะ…@@
เทียบเคียงแนวโน้มสุขภาพเศรษฐกิจผ่านแว่นแบงก์ชาติไทย แหวกแตกต่างไปจากหลายสำนัก..แบงก์ชาติบอก จีดีพีไทยปี ๒๕๖๗ จะโตเว่อร์วังมากถึง ๔.๔% ส่วนธนาคารโลก บอกจะโต ๓.๕% -สภาพัฒน์ บอกโต ๓.๒%-สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน บอกโต ๓.๖% แถมธนาคารโลก ย้ำอีกเงินเฟ้อไทย ต่ำสุดในอาเซียน และเหตุแห่งเงินเฟ้อ มาจากแรงผลักของต้นทุน ไม่ใช่แรงดันจากกำลังซื้อ…@@
พินิจพิจารณาเหตุแห่งเงินเฟ้อ ที่มาจากแรงผลักของต้นทุน แต่แบงก์ชาติ ที่หวาดระแวงเงินเฟ้อชนิดขี้ขึ้นสมอง ใช้มาตรการตะบี้ตะบันขึ้นอัตราดอกเบี้ย เท่ากับกระพือต้นทุนให้แพงหนักขึ้นไปอีก..คนทำมาหากินมีแต่ทรุดกับทรุดจมกองหนี้..แบบนี้ถ้าไม่ใช่การดำเนินนโยบายการเงินผิดพลาดบกพร่อง เป็นเหตุให้เศรษฐกิจซึมเศร้าสลึมสะลือ ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว @@
ปิดท้ายสวนข่าววันนี้…พวกเดียวกันโดนบูลลี่ เดือดเป็นฟืนเป็นไฟ..๙ ไม่ยอม-๑๐ ไม่ยอม กระตือรือล้นกระเหี้ยนกระหือรือ ตามบดขยี้ข้ามโลก ที”หมาเน่า”ในพวกเดียวกัน ส่งกลิ่นฉาวโฉ่ทิ่มตำความรู้สึกชาวบ้าน ไม่เห็นจะขยันขันแข็งกำจัดกวาดล้าง…ถนัดจังเลยนะงานเอาดีใส่ตัว ปกปิดความชั่วพวกเดียวกัน @@
ฮูก ตาตี่