
ข่าวดีคนสูงวัย-คนพิการ-เด็ก-สตรีมีครรภ์ ที่ประชุมครม.สัญจร @ เชียงใหม่ เคาะแจกเพิ่มเบี้ยรายเดือน ผู้สูงอายุขึ้นแบบขั้นบันได
เริ่มจากอายุ ๖๐-๖๙ ปี เพิ่มจาก ๖๐๐ เป็น ๗๐๐ บาท
อายุ ๗๐-๗๙ ปี เพิ่มจาก ๗๐๐ เป็น ๘๕๐ บาท
อายุ ๘๐-๘๙ ปี เพิ่มจาก ๘๐๐ เป็น ๑,๐๐๐ บาท
อายุ ๙๐ ปีขึ้นไป เพิ่มจาก ๑,๐๐๐ เป็น ๑,๒๕๐ บาท
คนพิการ ปรับจาก ๘๐๐-๑,๐๐๐ บาท เป็นเหมาจ่ายอัตราเดียว ๑,๐๐๐ บาท
กรณีเด็ก อายุ ๐-๖ ปี เคยได้รับ ๖๐๐ บาท ภายใต้เงื่อนไขรายได้ครอบครัวต้องไม่ถึงปีละ ๑ แสนบาท ปรับเป็น เด็กตั้งแต่อายุ ๔ เดือนในครรภ์มารดา ถึง ๖ ปี ได้รับ ๖๐๐ บาทถ้วนหน้า โดยไม่มีเงื่อนไขเรื่องรายได้ครอบครัวต้องไม่ถึง ๑ แสนบาท…@@
นับถอยหลังจากวันนี้ ถึง ๙ ธ.ค.๒๕๖๗ เป็นเวลา ๑๐ วันพอดิบพอดีที่ สนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศบุกทำเนียบรัฐบาล ยื่นหนังสือ”เตือนสติรัฐบาล” หยั่งกระแส ก่อนชวนมวลชนลงถนน…นายกฯแพทองธาร ส่งเสียงออดอ้อนที่เชียงใหม่ วิงวอนอย่าปลุกม็อบเลย เกรงจะกระทบการท่องเที่ยว….เกรงว่าเสียงอ้อนอยู่ไกลถึงเชียงใหม่ จะไม่กังวาลมาถึงบ้านพระอาทิตย์ @@
ถนนพระราม ๒ กลายเป็น”ถนนเจ็ดชั่วโคตรร้อยศพ” ไปซะแล้ว ด้วยความ”บัดซบ-เฮงซวย-ห่วยแตก”ของการบริหารจัดการความปลอดภัย มีเหตุโศกนาฏกรรมอุบัติขึ้นซ้ำซาก คนบาดเจ็บ-ล้มตายกันไปแล้วทะลุหลัก”ร้อยศพ” โดย “ผู้รับผิดชอบ” แสดงความรับผิดชอบ แบบไม่รับผิดชอบ-”ผู้กระทำความผิด” ลอยนวล…เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น @@
ล่องใต้จากพระราม ๒ ไปที่ชุมพร บนทางหลวงชนบท สาย จ. แยกโค๊ก-ทุ่งเบี้ย ที่เป็นทางเลี่ยงเมืองชุมพร เกิดโศกนาฏกรรมรถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยู ทะเบียน กจ.๔๔ นครศรีธรรมราช ขับขี่มาด้วยความเร็วกว่า ๒๐๐ กม./ชม.พุ่งชน ๓ แม่-ลูก ร่างแหลก เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดเวลา ๑๘.๕๖ น.วันพุธที่ ๒๗ พ.ย.๒๕๖๗ มีร.ต.อ.สหชาติ สังข์สม รองสว.สอบสวน สภ.เมืองชุมพร เป็นร้อยเวรเจ้าของคดี และมี “จิรันธนิน แตงขาว” วัย ๓๐ ปี ภูมิลำเนาอยู่ต.ฉลอง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เป็นผู้ต้องหา ถูกดำเนินคดี ๔ ข้อหา ๑).ขับรถขณะเมาสุรา ๒).ขับรถไม่มีใบอนุญาต ๓).ขับรถเร็วเกินกฏหมายกำหนด ๔).ขับรถประมาท เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต…ล่าสุดศาลจังหวัดชุมพรอนุญาตให้ประกันตัวไป โดยวางหลักประกัน ๑ แสนบาท…@@
คดีนี้ส่อพิรุธชวนสงสัยมากมายก่ายกอง
๑).พฤติการณ์แห่งคดีก่อความตายและความเสียหายร้ายแรง มีบทลงโทษสูงถึง ๑๐ ปี แต่กลับไม่ปรากฏรายงานข่าวตำรวจคัดค้านการประกันตัว
๒).แจ้งข้อหาขับรถขณะเมาสุรา ทั้งที่ผลตรวจวัดแอลกอฮอลไม่เกินระดับที่กฏหมายกำหนด
๓).การรายงานข่าวของสื่อมวลชน เหมือนจงใจช่วย”ปกปิด” ชื่อผู้ต้องหา และทะเบียนรถยนต์คันก่อเหตุ อย่างน่าสงสัย
๔).ปฏิกิริยาพนักงานสอบสวน เหมือนให้การ”ปกป้อง-คุ้มครอง” ผู้ต้องหา จากการเข้าถึงของสื่อมวลชน
๕).พนักงานสอบสวน เหมือนจงใจหลีกเลี่ยง “ตรวจหาสารเสพติดอื่น” ในตัวผู้ต้องหา นอกเหนือไปจากสุรา…หวังว่าท่านผบ.ช.ภ.๘ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร-ท่านผบก.ภ.จว.ชุมพร พล.ต.ต.ภาณุเดช ณ พัทลุง จะเอาใจใส่บำบัดทุกข์-บำรุงสุข-บันดาลความเป็นธรรมให้ครอบครัวผู้สูญเสีย อย่าปล่อยให้ฆาตกรลอยนวล @@
ฮูก ตาตี่