
…สถานการณ์สงครามในฉนวนกาซ่ายังรุนแรงต่อเนื่องนับจากวันที่ ๗ ต.ค.เป็นต้นมาหลังผ่านไปแล้ว ๑๐ วัน @@
วิกฤตสงครามปาเลสไตน์ฮามาส-อิสราเอล แจ้งเกิด”๒วีรสตรีไทย”..”พี่แจ๋ม”วิภาวดี วรรณชัย-”พี่น้อง”นภาพร โศหาซัน ขับรถเสี่ยงตายฝ่าสมรภูมิสู้รบ ช่วยชีวิตนักรบแรงงานไทย ส่งขึ้นเครื่องบินกลับบ้านอย่างปลอดภัย…ห้ามถามสถานฑูตไทยในเทลอาวีฟ ทำอะไรมั่ง ??@@
คำเปิดใจจาก”พี่แจ๋ม”ที่เสี่ยงเอาชีวิตแลกชีวิต ทั้งที่ไม่มีสายสัมพันธ์ฉันท์วงศาคณาญาติใดๆ..ทั้งที่แม่กำลังใกล้สิ้นลมหายใจเฮือกสุดท้าย..”ไม่ต้องห่วงแม่นะ ช่วยคนได้กุศลนะลูก…คนเราเกิดหนเดียวตายหนเดียว..” หัวใจเทพธิดานางฟ้าน่ากราบไหว้ชะมัด @@
หันมาพินิจพิจารณาความรู้ร้อนรู้หนาวอย่างยิ่งของสถานเอกอัครราชฑูตไทยประจำกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ที่สะท้อนผ่านเพจ”Roya Thai Embassy,Tel Aviv (ทุกเรื่องเมืองยิว)…เปิดหมายเลขโทรศัพท์ไว้บริการเหลือเฟือ แต่”โทรติด ไม่มีคนรับ”…เปิดช่องทางสื่อสารอำนวยความสะดวกให้ติดต่อ แต่”สื่อสารไป แล้วเงียบเป็นเป่าสาก”….เปิดศูนย์พักพิง เตรียมความพร้อมส่งกลับ แต่”ต้องตะเกียกตะกายฝ่าดงกระสุน-กับระเบิดไปกันเอง”…ยิ่งน่าประทับใจมากขึ้นไปอีกกับข้อความในประกาศ “…ขอใบเสร็จจากคนขับรถ เพื่อนำไปเบิกที่ประเทศไทย..”…ลืมไปหรือเปล่า นี่มันสถานการณ์สงครามนะใต้เท้า @@
ปฏิกิริยาการกระทำของสถานฑูตฯ ดูช่างห่างไกลความต้องการของคนไทยภายใต้ไฟสงคราม…สิ่งที่พี่น้องไทยในพื้นที่อันตรายต้องการได้ ต้องการรู้ คือ..”แรงงานจำนวนมากไปลงทะเบียนแล้ว ไม่ทราบรัฐบาลจะมารับวันไหน จะได้บินกลับบ้านวันไหน…”
แรงงานไทยที่รอดตายกลับถึงบ้านแล้ว กระเทาะจุดอ่อนกลไกการให้ความช่วยเหลือของรัฐบาล…”มีประกาศจำนวนผู้ลงทะเบียนต้องการกลับบ้านไว้ ๖,๐๐๐-๗,๐๐๐ คน ทุกคนอยากรู้ช่องทางการตรวจสอบแบบเรียลไทม์ว่าตัวเองจะได้กลับวันไหน คิวที่เท่าไหร่…” บริการแบบนี้ที่พี่น้องต้องการ แต่สถานฑูตฯไม่เปิดบริการ @@
ความจริงที่โคตรเจ็บปวดจากคำบอกเล่าล่าสุดของแรงงานไทยในอิสราเอล..”คนไทยที่ได้รับบาดเจ็บจากภัยสงคราม ไม่ได้รับการติดต่อใดๆจากสถานฑูตฯ เหมือนถูกทิ้งให้เป็นความรับผิดชอบของทางการอิสราเอล..”…วังเวงจัง @@
ฮูก ตาตี่